ในปัจจุบันการจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันที่จะช่วยให้คุณมีฟันเรียงสวยได้แบบหมดกังวลเรื่องภาพลักษณ์ เพราะดูเป็นธรรมชาติ ไร้ลวดเหล็กมารบกวนใจ หรือสร้างความระคายเคืองในช่องปาก แต่หลายคนอาจเข้าใจว่าการจัดฟันเป็นเพียงความต้องการของวัยรุ่นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วคนวัยผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่ ก็มีความจำเป็นในการจัดฟันด้วยเช่นกัน ดังนั้นเพื่อไขข้อสงสัยว่าอายุเท่าไรจัดฟันได้ เรามีคำตอบมาบอกให้ครบ
ควรเริ่มจัดฟันอายุเท่าไร ?
ทุกคนสามารถจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 12-15 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยรุ่นที่ฟันน้ำนมหลุดออกไปหมดแล้ว ดังนั้นการจะตัดสินใจว่า ควรเริ่มจัดฟันอายุเท่าไรดี จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งสภาพฟัน การเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร และความพร้อมของผู้ที่ต้องการจัดฟัน
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายความสงสัยเกี่ยวกับการจัดฟันในแต่ละช่วงวัย ซึ่งเรามีคำตอบมาบอกกัน ดังนี้
วัยเด็ก ฟันไม่สวย ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไร ?
สำหรับวัยเด็ก ฟันที่เกิดขึ้นมายังเป็นฟันน้ำนมอยู่ ซึ่งในอนาคตเมื่อน้อง ๆ โตขึ้น ฟันน้ำนมจะเริ่มหลุด และมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่ การจัดฟันระหว่างที่ยังมีฟันน้ำนม จึงไม่ได้ช่วยให้เด็ก ๆ มีฟันที่เรียงสวย อีกทั้งหากฟันแท้ขึ้นอาจบิดเกได้ เพราะฉะนั้นควรรอให้ฟันแท้ขึ้นให้ครบก่อน เพื่อให้น้อง ๆ ได้มีฟันแท้เรียงสวยไปตลอด อย่างไรก็ตาม ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาว่าจัดฟันได้ตอนอายุเท่าไร จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในช่วงวัยนี้
วัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ วัยนี้ไม่ต้องสุ่ม จัดฟันได้ชัวร์
ช่วงวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ ถือเป็นวัยที่ฟันแท้ขึ้นหมดแล้ว โอกาสฟันหลุดแทบจะเป็นศูนย์ ถ้าหากเราดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างดีก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากใครที่อยู่ในช่วงวัยนี้ที่กำลังมีปัญหาการเรียงตัวของฟัน และต้องการแก้ปัญหาด้วยการจัดฟัน สามารถทักตรงหาคลินิกได้เลย ไม่ต้องลังเล จัดฟันได้ชัวร์ แต่หากอยากได้การจัดฟันที่ใช้ระยะเวลาไม่นาน ไม่แฟชั่นเกินไป และช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้น การจัดฟันแบบใสนับเป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยให้คุณได้มีฟันที่เรียงสวยแบบไม่ต้องมีลวดเหล็กมากวนใจ
วัยผู้สูงอายุ อยากแก้ปัญหาฟันต่าง ๆ ต้องถามหมอก่อน
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าอายุเยอะจัดฟันได้ไหม ต้องบอกว่าในช่วงวัยนี้ถ้าอยากแก้ปัญหาด้วยการจัดฟัน อาจต้องปรึกษาทันตแพทย์ก่อน โดยทันตแพทย์จะใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของผู้จัดเอง เนื่องจากในช่วงวัยนี้ สุขภาพช่องปากอาจอ่อนแอกว่าวัยอื่น ๆ ทำให้การจัดฟันตอนอายุเยอะ ทันตแพทย์จะต้องตรวจสุขภาพฟันอย่างละเอียดและให้การดูแลอย่างใส่ใจ เพื่อให้การจัดฟันได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้จัดมากที่สุด
ปัญหาฟันแบบไหนบ้างที่ควรจัดฟัน ?
ปัญหาฟันที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน มีดังนี้
- คางยื่น เนื่องจากฟันล่างยื่นออกมา มากกว่าฟันบน
- ฟันหน้ายื่น ทำให้ริมฝีปากบนเปิดอยู่ตลอดเวลา
- ฟันเก ฟันเรียงตัวไม่สม่ำเสมอ มีลักษณะบิดหรือเอียง
- ฟันซ้อน ฟันเบียดกัน เนื่องจากพื้นที่ในขากรรไกรไม่เพียงพอ
- ฟันห่าง มีช่องว่างระหว่างฟันมากกว่าปกติ
- ฟันเหลื่อม ฟันบนคร่อมฟันล่างมากเกินไป
- ฟันบนและล่างไม่สบกันอย่างเหมาะสม ส่งผลต่อการเคี้ยวอาหารและการพูด
จัดฟันมีกี่ประเภท แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ?
การจัดฟันมีหลากหลายประเภท โดยมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
การจัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces)
การจัดฟันแบบโลหะ เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยใช้เครื่องมือจัดฟันที่ประกอบด้วยแบร็กเก็ตโลหะและลวดจัดฟัน เพื่อช่วยดึงและจัดเรียงฟันให้เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม
ข้อดี
- มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาฟันที่ซับซ้อน
- ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับการจัดฟันประเภทอื่น
- สามารถเลือกเปลี่ยนสียางจัดฟันได้ตามต้องการ
ข้อจำกัด
- เครื่องมือจัดฟันสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน อาจส่งผลต่อความมั่นใจ
- อาจทำให้เกิดการระคายเคืองภายในช่องปาก
- ต้องเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อปรับลวดจัดฟัน และเปลี่ยนยางจัดฟัน
การจัดฟันแบบดามอน (Damon System)
สำหรับการจัดฟันแบบดามอน เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมจากโลหะแบบปกติ โดยใช้ระบบล็อกตัวเอง (Self-ligating) ที่ไม่ต้องใช้ยางรัดแบร็กเก็ต ทำให้เกิดแรงกดที่สม่ำเสมอ เพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนตัวของฟันได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดี
- ลดแรงเสียดทาน ทำให้รู้สึกสบายมากขึ้น
- ทำความสะอาดง่ายกว่าการจัดฟันแบบโลหะทั่วไป
- ใช้ระยะเวลาจัดฟันสั้นลงกว่าการจัดฟันแบบปกติ
ข้อจำกัด
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะ
- ยังสามารถสังเกตเห็นเครื่องมือจัดฟันได้อยู่
การจัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces)
ในส่วนของการจัดฟันแบบเซรามิก จะคล้ายกับแบบโลหะ แต่เปลี่ยนจากแบร็กเก็ตโลหะ เป็นเซรามิกสีใสหรือสีเหมือนฟัน เพื่อลดความโดดเด่นของเครื่องมือจัดฟัน
ข้อดี
- ดูเป็นธรรมชาติกว่าแบบโลหะ เพราะสีของแบร็กเก็ตใกล้เคียงกับฟัน
- มีประสิทธิภาพในการจัดเรียงฟันสูง
ข้อจำกัด
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบโลหะ
- วัสดุเซรามิกมีความเปราะบาง อาจแตกหักได้ง่าย
- ใช้เวลาจัดฟันนานกว่าการจัดฟันโลหะ
การจัดฟันแบบใส (Clear Aligner)
การจัดฟันแบบใสเป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งจะใช้ชุดเครื่องมือจัดฟันพลาสติกใสที่สามารถถอดออกและสวมใส่เองได้ ซึ่งช่วยขยับฟันไปยังตำแหน่งที่ได้วางแผนการรักษาเอาไว้
ข้อดี
- มองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน ดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถถอดออกได้ ทำให้รับประทานอาหาร และแปรงฟันสะดวก
- ลดการระคายเคืองช่องปาก ไม่มีเหล็กหรือยางรัด
ข้อจำกัด
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันประเภทอื่น
- ต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมืออย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน
- อาจไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ซับซ้อนมาก
จัดฟันราคาเท่าไร และใช้ระยะเวลานานหรือไม่ ?
ราคาและระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเริ่มจัดฟันตอนอายุเท่าไรเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของฟัน และวิธีการจัดฟันที่เลือก ในเบื้องต้นแนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการจัดฟัน ซึ่งสามารถเดินทางมาที่คลินิกทันตกรรมหรือทำแบบประเมินออนไลน์ เพื่อวิเคราะห์การเรียงตัวของฟัน
เปรียบเทียบราคาและระยะเวลาของการจัดฟันในแบบต่าง ๆ
ประเภทของการจัดฟัน |
ราคา |
ระยะเวลา |
การจัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces) |
35,000-38,000 บาท |
2 - 3 ปี |
การจัดฟันแบบดามอน (Damon System) |
70,000 - 90,000 บาท |
1 - 3 ปี |
การจัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces) |
80,000 - 90,000 บาท |
2 - 3 ปี |
การจัดฟันแบบใส (Clear Aligner) |
29,950 - 135,000 บาท
(ขึ้นอยู่กับแบรนด์และจำนวนอุปกรณ์) |
6 - 24 เดือน |
สัญญาณเตือนที่ต้องพบหมอฟันโดยด่วน !
ทุกคนควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันทุก 6 - 12 เดือน เพื่อตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่ในระยะแรก ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดในการรักษา รวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจงอกขึ้นมา นอกจากนี้ หากว่าเราดูแลช่องปากและพบทันตแพทย์อย่างเป็นประจำ ก็จะช่วยลดขั้นตอนการเคลียร์ช่องปากก่อนการจัดฟัน ไม่ว่าจะจัดฟันตอนอายุเยอะหรือตอนวัยรุ่นก็ทำได้ทันที ไม่ต้องรอ
ส่วนปัญหาสุขภาพฟันที่จำเป็นต้องพบแพทย์โดยเร่งด่วน มีดังต่อไปนี้
- ปวดฟัน เสียวฟัน
- เหงือกบวม
- ฟันคุด
- ฟันแตก ฟันหัก
- ฟันมีคราบเหลือง
Dr Clear Aligners จัดฟันแบบใส ตัวเลือกการจัดฟันที่สะดวก สบาย ยิ่งกว่า
สำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟัน ควรรู้ว่าการจัดฟันมีรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งเหล็ก ดามอน และล่าสุดจัดฟันแบบใส ซึ่งเป็นการจัดฟันโดยใช้วัสดุ Zendura FLX สามารถยืดหยุ่นได้อย่างดี โปร่งใส เมื่อใส่อุปกรณ์จัดฟันจะดูเนียนไปกับผิวฟัน ทำให้เมื่อไรที่ยิ้มก็จะดูดี เหมือนไม่ได้จัดฟันอยู่
หากสนใจจัดฟันแบบใส เพื่อช่วยแก้ปัญหาฟันต่าง ๆ ในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่ต้องเข้าพบแพทย์ทุกเดือน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของทุกวัย ที่ Dr Clear Aligners มีทันตแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการจัดฟันใส พร้อมเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย ปลอดภัย ได้รับการรับรอง สามารถประเมินฟันฟรี
คลิกที่นี่ หรือ แอดไลน์ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ Line: @drclearaligner