6 ข้อห้ามเพื่อสุขภาพฟันของลูกๆ

รู้หรือไม่? ว่าฟันผุถือเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุดในวัยเด็ก และกว่า 40% มีฟันผุตั้งแต่ชั้นอนุบาล หลายท่านอาจมองเป็นเรื่องปกติของวัยเด็ก แต่แท้จริงแล้วปัญหาอาจมีมากกว่าเรื่องของความเจ็บปวดและการติดเชื้อ เนื่องจากเด็กที่เป็นโรคฟันผุมีแนวโน้มที่จะขาดเรียนจนส่งผลต่อผลการเรียน

อย่างไรก็ดีฟันผุมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของปัญหาสุขภาพหลายอย่างในช่วงบั้นปลายของชีวิต ได้แก่ โรคหัวใจ หรือโรคเหงือกอักเสบ ที่อาจส่งผลต่อการคลอดก่อนกำหนด แน่นอนว่าฟันผุนั้นป้องกันได้ไม่ยากเลย แต่กลับมีหลายครอบครัวที่อาจไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่จำเป็น

    1. ไม่ควรมองข้ามความสำคัญของฟลูออไรด์ ซึ่งมีประโยชน์มากในการป้องกันฟันผุ แน่นอนว่าเราอาจเคยได้ยินเรื่องการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปนั้นไม่ดี แต่การหลีกเลี่ยงฟลูออไรด์โดยสิ้นเชิงนั้นไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่ควรทำเมื่อลูกๆของคุณเริ่มฝึกแปรงฟัน คือการใช้ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ โดยอาจเริ่มต้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเริ่มเพิ่มปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเมื่ออายุเกิน 3 ขวบ

    1. ไม่ควรมองข้ามการดูแลรักษาฟัน โดยเฉพาะการแปรงฟันในตอนเช้าของลูกๆที่อาจจะยุ่งยากสำหรับพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่ แต่ก็เพื่อสุขภาพฟันของลูกๆ การแปรงฟันเป็นประจำถือเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันฟันผุ อย่างน้อยวันละสองครั้ง แต่หากเป็นไปได้ก็ควรแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ และเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ฟันแต่ละซี่จะต้องได้รับการแปรง ดังนั้นสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ อาจจำเป็นต้องให้พ่อแม่ช่วยแปรงด้วย

    1. ไม่ควรใช้ฟันผิดวิธี เด็กๆอาจใช้ฟันเพื่อกัดสิ่งต่างๆที่ไม่สมควร เช่น กัดน้ำแข็ง, กัดเล็บตัวเอง, ใช้ฟันเปิดฝาขวด หรือแม้แต่การแปรงฟันแรงเกินไปก็ตาม ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตและคอยห้ามไม่ให้ลูกทำพฤติกรรมดังกล่าวซึ่งอาจมีผลทำให้ฟันหัก, ฟันโยก หรือฟันผุได้นั่นเอง

    1. ไม่ควรให้ขนมคบเคี้ยวเหนียวๆแก่เด็กมากเกินไป เนื่องจากน้ำตาลไม่ดีต่อฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันติดอยู่กับฟัน ดังนั้นของว่างอย่างท็อฟฟี่ คาราเมล เยลลี่แบร์ หรือแม้แต่ผลไม้แห้ง ก็อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมเท่าไหร่นัก แน่นอนว่าเด็กๆสามารถรับประทานได้ แต่จำเป็นต้องอยู่ในปริมาณที่จำกัด อีกทั้งยังควรแปรงฟันทันทีหลังจากรับประทาน

    1. ไม่ควรให้เด็กๆพกน้ำผลไม้หรือนมไปโรงเรียน เพราะเมื่อพวกเขาจิบน้ำผลไม้หรือนมบ่อยๆ ฟันก็จะเต็มไปด้วยน้ำตาลอยู่เสมอ แม้จะเป็นนมที่ไม่มีรถหวาน หรือน้ำผลไม้ที่ไม่มีน้ำตาลก็ตาม เนื่องจากในสองอย่างนี้มีน้ำตาลธรรมชาติ ซึ่งสามารถทำลายฟันได้อยู่แล้ว หากเด็กๆต้องการที่จะพกเครื่องดื่มติดตัวไปด้วย ควรเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น

    1. ไม่ควรหลีกเลี่ยงการไปพบทันตแพทย์ การไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ตรวจพบและป้องกันปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพฟันของบุตรหลานของคุณ หรือสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดฟันใส สามารถทำบททดสอบประเมินฟันฟรีก่อนได้

You May Also Be Interested In

 

จัดฟันใสที่ Dr Clear Aligner ดียังไง?

หากพูดถึงการจัดฟันแบบใสนั่น
 

ต้อนรับปีใหม่ ! จัดฟันใสราคา เท่าไร เสร็จอีกทีตอนไหน ?

ปีใหม่แบบนี้ ใครกำลังมองหาจัดฟัน